พระสมเด็จรุ่นแรก หลวงพ่อบุญทรง วัดยางยูง จ.กาญจนบุรี
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
พุทธคุณ0881915131 | |||||||||||||||
โดย
|
โกหมู | |||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
พระเนื้อผง/ว่าน/ เนื้อดิน | |||||||||||||||
ชื่อพระ
|
พระสมเด็จรุ่นแรก หลวงพ่อบุญทรง วัดยางยูง จ.กาญจนบุรี |
|||||||||||||||
รายละเอียด
|
พระสมเด็จรุ่นแรก ฝังตะกรุด 3 ดอก (ตะกรุดเงิน 2 ดอก ตะกรุด ทองเหลือง 1 ดอก) หลวงพ่อบุญทรง วัดยางยูง ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี //พระสถาพสวย สมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> >>พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> "พระครูวินัยธร บุญทรง ปคุโณ" เจ้าอาวาสวัดยางสูง ในวัยเด็กหลวงพ่อได้ย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดมาศึกษาในชั้นประถมศึกษาที่วัดตรีญาติ อ.เมือง จ.ราชบุรี ในช่วงเวลาที่เรียนอยู่ในที่วัดตรีญาตินั้นหลวงพ่อได้เป็นเด็กวัดปรนนิบัติรับใช้ "หลวงตาอยู่" พระชรารูปหนึ่งในวัดตรีญาติ(เป็นเครือญาติกับหลวงพ่อ) หลวงตาอยู่ท่านเป็นเสือเก่ามีวิชาอาคมขลัง หลวงพ่อทรงท่านจึงได้รับการถ่ายทอดพระคาถาต่างๆมาจากหลวงตาอยู่ตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ปี เมื่อหลวงพ่อทรงเรียนจบชั้นประถมศึกษาในสมัยนั้นแล้วท่านก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตรีญาติ กับหลวงตาอยู่ จากนั้นหลวงตาอยู่จึงถ่ายทอดวิชาอาคมเบื้องต้นให้กับสามเณรบุญทรง เช่น คาถาปลุกหนุมาน , คาถาลิงลม , คาถาปืนยิงไม่ถูก , คาถาอาพัดเหล้า , คาถาเสกแป้ง , คาถาเสกขมิ้นทาตัว , คาถาแคล้วคลาดขณะเดินทาง และวิชายาสมุนไพรเล็กน้อย จวบจนหลวงพ่อทรงอายุได้ 17 ปี ท่านได้ลาสิกขาจากสามเณรมาครองชีวิตเพศฆาราวาส หลังจากได้ลาสิกขาแล้วหลวงพ่อทรงก็ใช้ชีวิตฆาราวาสตามประสาวัยรุ่นและศึกษาเรื่องคาถาอาคมอยู่เสมอโดยท่านสืบเสาะหาอาจารย์ที่เก่งกาจทางวิชาอาคมมาโดยตลอดจนกระทั่งได้ข่าวความโด่งดังในการสักเสกเลขยันต์ของท่าน อ.ปั้น หนุนภักดี ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี หลวงพ่อทรงจึงเดินทางไปขอมอบตัวเป็นศิษย์ของ อ.ปั้น หนุนภักดี จากนั้น อ.ปั้น ได้รับหลวงพ่อทรงเป็นศิษย์และเมตตาจรดเข็มสักยันต์บนผิวร่างของหลวงพ่อทรง โดยมียันต์ดังต่อไปนี้ 1.ยันต์หนุมาน(สักที่สีข้าง) 2.ยันต์มงคล(สักที่หน้าอก) 3.ยันต์พญาเสือ(สักที่หน้าท้อง) 4.ยันต์ขุนแผน(สักที่แขนขวา) 5.ยันต์นะ 108 (สักที่ต้นแขนด้านขวา) 6.ยันต์เฑาะ(สักที่ต้นคอ) 7.ยันต์ธงเพชรหลีก(สักที่หลังใบหูด้านขวา) เป็นต้น และหลวงพ่อทรงได้ศึกษาวิชาอาคมไม่ว่าจะเป็นวิชาสักยันต์ วิชาทำผง วิชาเสกว่าน ดองว่าน และวิชาทำตะกรุด ของ อ.ปั้น หนุนภักดี มาโดยทั้งสิ้น ***หมายเหตุ : อ.ปั้น หนุนภักดี ท่านเป็นศิษย์พุทธาคมของ หลวงพ่อเล็ก วัดป่าไก่ , หลวงพ่อชม วัดกำแพงเหนือ , หลวงพ่อทอง วัดหัวโป่ง เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเกจิยุคเก่าของ จ.ราชบุรี ที่มีพุทธาคมขลังทั้งสิ้น*** ***จากช่วงแรกได้กล่าวถึงครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อไปแล้วในช่วงเริ่มต้นการศึกษาวิชาอาคมในช่วงที่สองนี้เรามาต่อกันว่าหลวงพ่อได้ศึกษาอะไรมาจากหลวงพ่อไหนเรียนกับอาจารย์ท่านไหนอีกครับ*** ต่อมาหลวงพ่อทรงอายุประมาณได้ 20 ปี ท่านฝากตัวเป็นศิษย์ของ "ท่านอาจารย์หนู ทองศิริ" ฆาราวาสผู้โด่งดังในวิชาอาคมแห่งเมืองลุ่มแม่น้ำแม่กลองในสมัยนั้น ในยุคของสงครามอินโดจีน (ราวประมาณ 20 ปี ก่อนปี 2500) หลวงพ่อทรงได้เรียนวิชาทางด้านการสักยันต์กับ อ.หนู ทองศิริ มาพอสมควร และวิชาอื่นๆอีก เช่น วิชาทำน้ำมนต์ วิชากันคัดกันถอนกันเสื่อมอาคม และ อ.หนู ทองศิริ ได้สักยันต์บนแผ่นร่างของหลวงพ่อทรงไว้มากมาย หลังจากนั้นเมื่อหลวงพ่ออายุได้ 20 ปลายๆ หลวงพ่อทรงท่านได้เดินทางไปสักยันต์ที่ อ.บ้านโป่ง โดยสักยันต์ดำดื้อแดงดื้อ กับ อ.เจ้าพ่อพิชัย (ซึ่งเป็นร่างทรง) และ หลวงพ่อท่านจึงเรียนวิชาคาถาดำดื้อแดงดื้อมาจาก อ.เจ้าพ่อพิชัย ซึ่งเป็นร่างทรงในสมัยนั้น พอย่างเข้าวัยอายุได้ 28-29 ปี หลวงพ่อเที่ยวผจญภัยตามประสาหนุ่มวัยรุ่นในสมัยนั้นจึงได้มีโอกาสพบกับ "เสือยวน เขาวัง จ.เพชรบุรี" ลูกศิษย์หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ หลวงพ่อทรงจึงได้รับถ่ายทอดวิชาและคาถาต่างๆจากเสือยวนมาด้วย หลังจากเรียนวิชากับเสือยวนแล้ว ต่อมาท่านได้พบกับ "เสืออิ่ม" หลวงพ่อได้รับถ่ายทอดวิชามงคลสามสาย คาถาเสกเสือ เสกสิงห์ เสกวัวธนู เสกหุ่นพยนต์ จากเสืออิ่มมาทั้งสิ้น (เสืออิ่มท่านเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง) เมื่อหลวงพ่ออายุได้ 30 ปี ท่านได้เดินทางเที่ยวหาอาจารย์ชื่อเสียงทางวิชาอาคมในแถบ จ.นครปฐม และได้เดินทางมาถึง อ.กำแพงแสน ท่านได้พบกับ "หลวงพ่อทองย้อย วัดสระพัง" พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และมีพุทธาคมขลัง จึงมีจิตปฏิภัทรต่อกัน หลวงพ่อทรงจึงได้มอบตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทองย้อย วัดสระพัง และท่านจึงคิดท่านจะไม่ครองตนเป็นฆาราวาสอีกต่อไป หลวงพ่อทรงจึงได้ตัดสินใจอุปสมบท ณ วัดสระพัง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อปี พ.ศ. 2512 ขณะนั้นหลวงพ่อทรงมีอายุได้ 30 ปี โดยประมาณ หลังจากบวชแล้วท่านก็ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆกับหลวงพ่อทองย้อยเป็นเวลานาน จนท่านถ่ายทอดวิชาทุกอย่างให้หลวงพ่อทรงโดยมิปิดบัง ต่อมาในราว พ.ศ. 2515-2516 มีพระรูปหนึ่งเดินทางมาจากทางภาคอีสาน ได้แนะนำหลวงพ่อทรงให้ไปเรียนวิชาสายทางภาคอีสานกับอาจารย์ท่านหนึ่ง หลวงพ่อทรงท่านจึงเดินทางไปยัง อ.น้ำทอง จ.ขอนแก่น ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับ "หลวงพ่อหลาวทอง วัดห้วยเสือเต้น" หลวงพ่อทรงได้ศึกษาวิชานะโมตาบอด วิชาถอนคุณไสยขับไล่มนต์ดำ วิชาสมุนไพรว่านยาต่างๆ จากหลวงพ่อหลาวทอง โดยหลวงพ่อทรงเดินทางไปๆมาๆ ระหว่าง จ.นครปฐม กับ จ.ขอนแก่น เป็นเวลาทั้งสิ้น 3 ปี(ขณะนั้นท่านจำพรรษาอยู่วัดสระพัง) จากนั้นท่านจำพรรษาที่วัดสระพังได้ 4 พรรษา ได้ศึกษาวิชาต่างๆ รวมถึงพระปริยัติธรรม จากหลวงพ่อทองย้อย และเกจิสายนครปฐมพอสมควร โดยหลวงพ่อทรงได้มอบตัวเป็นลูกบุญธรรมหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม (ในสมัยนั้นหลวงพ่อทรงได้เรียนพระปริยัติธรรม รุ่นเดียวกับหลวงพ่อฉาว วัดสว่างชาติราษฏ์บำรุง โดยท่านทั้งสองเป็นสหธรรมมิกและมีความสนิทสนมกันมาก) ***ในช่วงสุดท้ายของประวัติของหลวงพ่อทรงนี้จะกล่าวถึงครูบาอาจารย์ท่านใดที่หลวงพ่อทรงได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆมาบ้างเรามาอ่านต่อกันเลยครับ*** ในปี พ.ศ. 2517 ได้ออกจากวัดสระพัง จ.นครปฐม เดินทางไปทางจังหวัดสุพรรณบุรี และได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดการ้อง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อทรงได้มีโอกาสศึกษาวิชาต่างๆจากตำราเก่าของ หลวงพ่ออุ่น อดีตเจ้าอาวาสวัดการ้อง ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2518 หลวงพ่อทรง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดการ้อง จากนั้นหลังจากได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดการ้อง ซักระยะหนึ่งหลวงพ่อจึงได้เดินทางกลับมาที่ จ.ราชบุรี และได้มีโอกาสได้พบ พระอาจารย์หริ่ม วัดปิ่นทอง โดยบังเอิญ โดยพระอาจารย์หริ่มนี้เป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ และ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อทรงได้รับถ่ายทอดวิชา ทำผงปถมัง และ คาถาวิชาต่างๆสายเมืองเพชรบุรีจากพระอาจารย์หริ่มมาทั้งหมด จากนั้นพระอาจารย์หริ่มได้แนะนำหลวงพ่อทรงให้เดินทางไปเรียนวิชาต่างๆจากพระอาารย์ท่านหนึ่งที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี หลวงพ่อทรงจึงเดินทางไปมอบตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์รูปนั้นก็คือ "หลวงพ่อพริ้ม วัดมาบปลาเคล้า ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เช่นเดียวกับพระอาจารย์หริ่ม หลวงพ่อทรงจึงได้เรียนวิชาต่างๆจากหลวงพ่อพริ้ม วัดมาบปลาเคล้า มาอีกท่านหนึ่ง จากนั้นหลวงพ่อทรงได้เดินทางกลับมาปกครองบริหาร วัดการ้อง และสร้างเสนาสนะภายในวัดให้มีความเจริญรุ่งเรือง แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งในการเรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องวิชาอาคมต่างๆ ขณะนั้นหลวงพ่อทรงได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พบเจอกับอาจารย์ฆาราวาสท่านหนึ่งซึ่งอาจารย์ท่านนี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อทรงได้เรียนวิชาทำมีดหมอมาจากอาจารย์ฆาราวาสท่านนั้น(หลวงพ่อทรงจำชื่อไม่ได้) ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 ต้นๆ หลวงพ่อทรงได้เดินทางไปเรียนวิชากับ หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้เรียนกับหลวงพ่ออั๊บไม่กี่อย่างโดยหลวงพ่อทรงเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่ออั๊บบอกถ้าจะเรียนให้หาคนมาเรียนคู่กันแต่หลวงหลวงพ่อทรงหาคู่ไปเรียนไม่ได้ท่านเลยไม่ได้เรียน ต่อมาหลวงพ่อทรงจึงเดินทางไปเรียนวิชาต่อกับท่านอาจารย์เหน่ง ที่ อ.อัมพวา (ศิษย์หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส และ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม) กับอาจารย์เหน่งท่านนี้ในส่วนต้วหลวงพ่อทรงท่านเคยศึกษากับอาจารย์เหน่งมาก่อนหน้านี้แล้วในสมัยเป็นฆาราวาส หลังจากศึกษากับท่านอาจารย์เหน่งแล้วจึงเดินทางกลับมาดูแลและพัฒนาวัดการ้อง และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูวินัยธร บุญทรง ปคุโณ เมื่อปี พ.ศ. 2522 หลังจากได้รับพัดยศแต่งตั้งสมณศักดิ์แล้วหลวงพ่อทรงจึงมีโอกาสมอบตัวเป็นลูกบุญธรรมกับ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ได้เรียนวิชาคาถาโองการเชิญเทวดา และวิชาตำรายาต่างๆ จากนั้นได้ไปเรียนวิชาทำผงสุพรรณ จากหลวงปู่ดี วัดพระรูปมาด้วย ต่อมาประมาณต้นปี พ.ศ. 2530 หลวงพ่อทรงได้เดินทางไปศึกษาวิชาเมตตา คาถาป้องกันตัว คาถามนต์ดำ วิชาเสือสมิง จากคุณพ่อทองเหลือง ซึ่งเป็นอาจารย์ฆาราวาสชาวกะเหรี่ยง ต.ห้วยแห้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และได้กลับมาพัฒนาและดูงานการก่อสร้างพระอุโบสถและเสนาสนะต่างของวัดการ้องจนเสร็จสมบูรณ์และจัดงานผูกพัธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต วัดการ้อง ในปี พ.ศ. 2533 หลังจากหลวงพ่อทรงได้สร้างวัดการ้องให้มีความเจริญทั้งหมดแล้วหลวงพ่อจึงเดินทางออกจากวัดการ้องมุ่งหน้าสู่ จ.กาญจนบุรี และมาก่อตั้งสำนักสงฆ์ขึ้น ชื่อสำนักสงฆ์เขาวัง ณ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี หลวงพ่อทรงจึงดำเนินการสร้างเสนาสนะภายในสำนักสงฆ์แห่งใหม่นี้ให้มีความเจริญขึ้น และในขณะที่เป็นเจ้าสำนักสงฆ์เขาวังอยู่นั้น หลวงพ่อทรงหมั่นหาปัจจัยในการสร้างสำนักสงฆ์นี้ให้เกิดความเจริญเป็นที่สุดแล้วก็เดินทางเพื่อจะพัฒนาที่อื่นๆอีกต่อไป ต่อมาในปี 2546 หลวงพ่อทรงได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดยางสูง ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ในขณะที่มาอยู่ที่วัดยางสูงนั้นหลวงพ่อได้รับถวายตำรามาโบราณของหลวงพ่อเปลื่อง วัดหนองไม้เอื้อย มาจากโยมท่านหนึ่งนำมาถวายหลวงพ่อทรง (หลวงพ่อเปลื่องท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้) หลวงพ่อทรงจึงได้เรียนวิชาในตำรานั้น เช่น วิชาทำตะกรุดไผ่ตัน วิชาตะกรุดกระดูกห่าน วิชาลงผ้ายันต์หนุมาน วิชาเสกรูปหนุมาน และหลวงพ่อทรงได้มีโอกาสไปเรียนคาถาหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวน มาจากโยมเย้ย อยู่ ณ บ้านหนองรี อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี(ซึ่งเป็นอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อเสงี่ยม วัดบ้านทวน) หลวงพ่อทรงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดยางสูง ท่านได้สร้างพระอุโบสถและช่วยบรรเทาทุกข์ในเรื่องต่างๆให้กับชาวบ้านระแวกนั้น รวมถึงให้ทุนการศึกษาแก่เด็กของโรงเรียนบ้านยางสูง จึงเป็นที่เคารพรักของชาวบ้านยางสูง และชาวระแวกใกล้เคียง จนถึงปัจจุบัน -------------------------------------------------------------------------- #พระสถาพสวยเดิมๆ สมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131 ### กรุณาโอน ธ.กรุงไทย 909-052-1852 สาขา ยะลา ชือ พงษ์ศักดิ์ โชคอรรคนิต โอนแล้วกรุณา..แจ้ง T.088 -1915131 ทุกรายการส่งด่วน EMS ฟรี ระบบพร้อมเพย์ 0881915131 |
|||||||||||||||
ราคา
|
2500 | |||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
0881915131 | |||||||||||||||
ID LINE
|
0881915131 | |||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
314 ครั้ง | |||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารกรุงไทย / 909-0-52185-2
|
|||||||||||||||
|